บทส่งท้าย 2

หลังพวกเขาได้รับทะเบียนสมรสแล้ว กู้เชิงและคุณหมอโม่ก็มาถึงซานย่า

ครั้งนี้เป็นการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านการแพทย์ ผลก็คือ มันต่างจากครั้งก่อนที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันเป็นการพักผ่อนของคนสองคนอย่างแท้จริง อ้อ เดี๋ยวสิ ไม่ ไม่ มาทำงาน ทำงาน

เมื่อพวกเขาเดินเข้าห้องพักในโรงแรม เธอก็พบว่าระเบียงหันหน้าออกทะเล

น่าเสียดาย มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวที่นี่ อุณหภูมิแค่สิบองศาเศษ ลมทะเลพัดแรง หากชมจากระยะไกล ทะเลไม่สวยงามน่ามอง

เธอหันกลับมา โม่ชิงเฉิงนั่งอย่างสงบสุขอยู่บนเก้าอี้สตูลและโบกมือให้เธอ

เธอเดินไปหาเขา “หนาวจัง เมื่อกี๊ตอนเดินขึ้นมาฉันเห็นพนักงานด้านล่างสวมเสื้อขนสัตว์ด้วย…”

เขาตอบอย่างสบาย ๆ “ใช่ ไม่มีเหตุผลควรมาที่นี่ ทำไมเราไม่ไปสปาด้านล่างกัน เขามีห้องส่วนตัวสำหรับสามีภรรยา”

“มันเรียกว่า ‘ห้องส่วนตัวของคู่รัก’…” เธอแก้คำพูดของเขาอย่างสุภาพ

เขาส่งเสียง “โอ้” และถาม “ไม่ใช่ ‘สามีและภรรยา’ หรอกหรือ”

เธอค้อมตัวลงและตบข้างแก้มเขาเป็นการล้อเลียน “ต้าต้า ตอนนี้ฉันมีภูมิกันคุณแล้วรู้มั้ย ต้องเป็น ‘ห้องคู่รัก’ ฉันเห็นชื่อชัดเจน” พอพูดจบ เธอก็อดไม่ได้จะหัวเราะคิกคัก

เธอเปลี่ยนท่านั่ง ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง

“จริงเหรอ”

อ้อ ไม่นะ เธอเสร็จแน่ เขาเปลี่ยนไปใช้โทนเสียงเย็นชายโสแบบฮ่องเต้… เขาจับมือเธอไว้และหมุนแหวนบนนิ้วของเธอ หมุนช้า ๆ “ไม่ใช่ ‘สามีและภรรยา’ จริง ๆ เหรอ”

จู่ ๆ เธอก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

บนนิ้วของเธอ แหวนยังหมุนช้า ๆ เธอใจลอยไปสักที่

ถ้าเธอบอกว่า เธอถูกเขาหลอกไปจดทะเบียนสมรส แฟน ๆ นับแสนของเขาจะยิงหัวเธอมั้ย แต่มันเป็นเรื่องจริง…

งานเนี๊ยบ ฉับไว ง่ายดาย และแบบนี้ทะเบียนสมรสของพวกเขาก็อยู่ในมือ

และเธอยังไม่ทันคุ้นกับการเป็นสามีภรรยาตามกฎหมายก็ต้องบินมาซานย่าแล้ว

ลมทะเลกรรโชกแรงมาที่ระเบียง

“คุณคิดอะไรอยู่” นิ้วของเขาแทรกไปตามความยาวของเส้นผม

เธอเหลือสติเล็กน้อยที่จะบอกเขาว่าเธอยังคิดถึงเหตุการณ์จดทะเบียนสมรสเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะจังหวะที่ถ่ายรูปแต่งงานและคุณปู่คนนั้นมองพวกเธอพร้อมกำกับให้ทั้งสองขยับใกล้กันอีก

เธอก้มมองนิ้วของเขา นิ้วที่ทุกมุมทุกโค้งถูกปั้นมาอย่างดี มือของหมอ

และเป็นสองมือของหมอที่ดูดีมาก

เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายเริ่ม เอื้อมมือไปคล้องคอเขาไว้ และกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ ว่า “ฉันกำลังคิดว่า… เราแต่งงานกันแล้วจริง ๆ ”

เขาหัวเราะ “อย่าบอกนะว่าคุณคิดอย่างอื่นได้ด้วย”

เธอผงะไปนิดนึง แต่ไม่ช้าแก้มของเธอก็เปลี่ยนสี

เหมือนว่า… นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดแบบนี้ เดี๋ยว ไม่สิ เขาเคยพูดแบบนี้มาก่อน ช่วงแรก ๆ ที่เราเพิ่งพบกัน เขาพูดแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันเป็นแค่มุก

“ใจลอยอีกแล้ว” ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเล็กน้อย

“ฉันกำลังคิดถึง… ครั้งแรกที่คุณจีบฉัน” เธอรีบอธิบาย

“จีบคุณ”

อืม ไม่ใช่สิ เธอพบว่ายิ่งมาเธอยิ่งไม่ใช้สมองกลั่นกรองก่อนพูด “ฉันหมายถึงตอนที่เราเพิ่งรู้จักกัน ตอนซ้อมอ่านบท” เธอรู้สึกอายนิด ๆ ที่จะต้องพูดคำสามคำนั้น และมันใช้เวลานานกว่าเธอจะหาคำอธิบายความหมาย

ชั่วขณะ เกิดภาวะเงียบงันระหว่างพวกเขา

มันออกจะหนาวอยู่

ด้วยกังวลว่าจะเป็นหวัดเพราะสวมเพียงเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้น เธออยากปีนขึ้นไปบนตัวเขาแล้วเกาะเขากลับเข้าห้อง แต่เธอเพิ่งยืนขึ้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะดึงเธอกลับมาในอ้อมแขนของเขา

“เชิงเชิงม่าน…” เขาเล็มหูของเธอ

“หืม” ฝ่ามือของเธอชาและจั๊กจี้

“ผมรักคุณ” เสียงของเขากังวานพร้อมความอบอุ่นละมุนละไมราวกับร่ายมนต์ “แล้วคุณ… รักผมมั้ย”

ในทันที เหมือนกับเวลาหมุนกลับ

พวกเขากลับไปที่จุดเริ่มต้น… คนสองคนที่ห่างกันแค่ห้วงของอินเตอร์เน็ต โต้ตอบบทกัน

ราวกับว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ซานย่าแต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เขายังไม่เคยเปิดเผยหน้าตาให้เธอเห็น และเธอก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่ต้นเขารู้ชื่อของเธอและต้องการให้เธอ ทีละก้าว ๆ ตกหลุมรักเขา

“กลับเข้าห้องกันเถอะ” เขาพูดเบา ๆ

หัวใจเธอเต้นดังขึ้น ๆ

แต่จังหวะการเต้นของหัวใจช้าลง ๆ …

คำพูดของเขาทำให้ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียก

“ไม่อยากเข้าไปเหรอ อยากให้มันเกิดขึ้นตรงนี้เหรอ”

“….. เปล่านะ” เธอผละออกจากอ้อมแขนของเขา

สวรรค์ นี่มันระเบียงนะ

แม้มันจะมิดชิดไม่มีใครมองเห็น แต่ว่ามันก็ออกจะ…

โชคไม่ดีเลย ใต้เท้าโถวไผดูจะคิดว่านี่เป็นที่ที่เหมาะ เหมือนกับว่าในคืนที่สำคัญที่สุดก็ควรมีบรรยากาศที่แตกต่างสักเล็กน้อย เขาไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ ใช้การกระทำเพื่อแสดงข้อสรุปของเขา

ข้างหูเธอ เสียงของเขาดังอย่างต่อเนื่อง เขาพูดกับเธอเบา ๆ เขาเรียกเธอ เชิงเชิง เรียกเธอ เชิงเชิงม่าน เรียกเธอ กู้เชิง เรียกเธอ ที่รักของเขา กระซิบ โอ้โลมปฏิโลม ทุกอย่างที่เขาทำแสดงความปรารถนาของเขาที่ไม่อยากปกปิดไว้อีกแล้ว…

ในเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องหยุดตัวเองอีก

ไม่ว่าพวกเขาจะนอนร่วมเตียงกันกี่ครั้ง เขาไม่เคยล้ำเส้นแม้เพียงนิดเดียว

จนกระทั่งเย็นวันนี้

แสงจากภายในห้องผ่านออกมาที่ระเบียงกระทบตัวเธอ ทุกอย่างค่อย ๆ ดำเนินไป

ความรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอเปิดตาอย่างตื่น ๆ มองเขา กรอบหน้าของเขาตัดด้วยแสงจากด้านหลัง เขาหันหน้าเข้าหาเธอ “เชิงเชิง…” ตอนนี้เขาถูกก่อกวนด้วยอารมณ์และความปรารถนาและเขาก็ไม่ปิดบังเลยสักนิดในยามที่มองเธออย่างตั้งใจ “เด็กดี ขอผมทบทวน” เธอกัดริมฝีปากและหลับตา ฟังเสียงลมหายใจของเธอผสานกับของเขา… เธอค่อย ๆ ปล่อยมือที่กำเสื้อเขาไว้อย่างช้า ๆ

ไม่ต้านทานอีกต่อไป

…..

ตอนที่เขาอุ้มเธอเข้าไปในห้อง ทั้งร่างของเธอรู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง และเธอไม่ต้องการแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว เธอรู้เพียงเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เกิดขึ้นอีก ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ แม้แต่เปลือกตาก็เปิดไม่ขึ้น เธอร่ำร้องขอความเมตตา “ฉันง่วงมากเลย…”

เขากล่อมเธอด้วยเสียงแหบทุ้ม

เธอเหมือนได้ยินตัวเองประท้วง แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองหลับไป ลงท้ายไม่รู้ว่าเธอฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง ส่วนเขาดูไม่เหนื่อยเลย ตอนเธอตื่นอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้ว

พวกเขาจะไปกินข้าวที่ไหน นี่คือคำถาม

ณ ห้องอาหารที่ชั้นล่างของโรงแรม เธออ่านเมนูและรายการอาหารแนะนำ อดไม่ได้จะถอนหายใจเงียบ ๆ

แพงมาก

ผู้ชายข้าง ๆ เธอดูไม่สนใจกับราคาสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียในความคิดของเขา นี่สิถึงจะเป็นการเที่ยวฮันนีมูน น่าเสียดายที่กู้เชิงเป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่ทันจบก็ต้องตั้งสติเพื่อรับบทบาทภรรยาของเขา เธอรีบวางเมนู จับมือเขา และพาเขาออกไปจากที่นั่น

ที่จริงมันไม่สำคัญว่าจะกินอะไร

มีเธอจับมือเขาแบบนี้และเดินไปบนถนนที่ไม่มีใครรู้จัก ช่างเป็นความรู้สึกสุขสมใจ

พวกเขาสองคนเดินไปเรื่อย ๆ จนพบแหล่งใหญ่ที่มีร้านอาหารรวมตัวกัน เลือกร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล และนั่งลงที่นั่น ไม่นานโม่ชิงเฉิงผู้รักอาหารทะเลก็สั่งอาหารเพียงพอจะวางเต็มโต๊ะ เธอเหลือบมองราคาที่ติดบนตู้ของสัตว์ทะเลเป็น ๆ อีกครั้งแล้วที่เธออยากจะ…..

“บ่ายนี้เหนื่อยมากจริง ๆ ” เขาเอนตัวพิงเธออย่างสบาย ๆ “ผมต้องเติมพลัง”

“…..” หน้าของเธอแดงจัดถึงหู

“คุณคิดว่ายังไง” เสียงของเขาเบาและแฝงการหยอกล้อที่ท้ายประโยค

“…..” เธอรีบนั่งและไม่กล้าเสนอความเห็นให้เขาเปลี่ยนร้านอีก

บนโต๊ะมีอาหารทำจากทั้งหอยทาก หอยขม หลายเมนู…

เนื้อหอยทากดูจะเอาออกจากเปลือกได้ยากเย็นจนน่าเหนื่อย แต่พอตกถึงมือเขาก็เหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามเลย แค่ 2 วินาที ตัวแรกก็ถูกจัดการ เธอใช้เวลากว่าครึ่งนาที เนื้อหอยด้านในแหลกละเอียดด้วยการจิ้มของเธอ แต่กระนั้น เธอก็ยังดึงไม่ออกสักตัว…

จนกระทั่งไม้จิ้มฟันอันหนึ่งถูกยื่นมาด้านหน้าของเธอ

เขาดึงเนื้อออกมาด้วยไม้จิ้มฟันและนำมาจ่อที่ริมฝีปากของเธอ

เธอหลุบตาลงและกัดมัน ก่อนจะงับทั้งชิ้นเข้าปาก

“อร่อยมั้ย” เขายื่นให้เธออีกชิ้น

“อืม” มันอร่อยจริง ๆ ล่ะ

ไม่ต้องถามซ้ำ เธอยื่นมือไปรับชิ้นต่อไปเข้าปาก ก่อนที่เธอจะรับรู้รสชาติของมัน เขาก็เอนตัวมาและกินทั้งลิ้นของเธอและเนื้อหอยกลับเข้าปากของเขา จากนั้นก็ปล่อยเธอ เขายิ้มเล็กน้อย “อร่อยจริง ๆ ”

ทำไม… มีความรู้สึกว่า… พวกเธอเพิ่งแสดงความเสน่หาอย่างโจ่งแจ้งในที่สาธารณะ

และแสดงได้อย่าง…

เธอแอบขยับตัวออกเล็กน้อย รู้สึกเหมือนโทรศัพท์สั่นหนึ่งครั้ง

มีการแจ้งเตือนพิเศษปรากฏบนจอ เขาโพสบางอย่างบนเวยป๋อ

เวยป๋อที่เขาไม่เคยอัปเดทในรอบหนึ่งพันปี อย่าบอกนะว่า… สวรรค์

เธอเหลือบมองเขาแว่บนึง เขายังมีท่าทีใสซื่อ ก้มหน้าเล็กน้อยแกะเนื้อหอยให้เธอกินอย่างสงบนิ่งไม่เร่งรีบ เธอไม่กล้าอ่าน…

“คุณโพสอะไร”

เขากินต่อไป “ไม่กี่คำ”

คำตอบสั้น ๆ ก็หยุดทุกคำที่เธออยากพูด เธอตัดสินใจว่าคงรู้สึกดีกว่าถ้าได้อ่าน

ผลก็คือ ทันทีที่เธอเปิดเวยป๋อของตัวเอง เธอก็ถูก @ อย่างท่วมท้นทุกทิศทาง

‘ไม่กี่คำ’ ที่เขาว่า ที่จริงแล้ว… มันก็แค่ไม่กี่คำจริง ๆ

เชียงชิงสือ: แต่งงานแล้ว (อีโมติคอนยิ้ม)

ใต้โพสของเขาเต็มไปด้วยคลื่นแห่งการแสดงความยินดีและการร่ำไห้เพราะหัวใจสลาย

โดยเฉพาะคนหลายคนที่เธอติดตามบนเวยป๋อต่างโผล่มาพร้อมกัน เหมือนกับเตรียมตัวอยู่แล้ว

เฝ่ยเส่า: @เชิงเชิงม่าน โว้ว แต่งกันแล้วจริง ๆ ดิ่ รู้สึกยังไงบ้าง

โต้วโต้วโต้วปิง: @เชิงเชิงม่าน… (อีโมน้ำตาท่วม) ใต้เท้า เวยป๋อของท่านมีไว้แค่เพื่ออวดความหวานงั้นเหรอ ยังจำเพื่อนเก่าเพื่อนร่วมสังกัดอย่างเราได้มั้ย หา หา หา หา

Wwwwk: @เชิงเชิงม่าน ประทับตรา พวกเขาอยู่ซานย่า

เฟิงหยาซ่ง: @เชิงเชิงม่าน ฉันก็แค่แวะไปเข้าห้องน้ำ ทำไมจู่ พวกเธอก็แต่งงานกันแล้ว นี่มันดึกแล้วด้วย พวกเธอขึ้นรถก่อนแล้วค่อยกลับมาหาตั๋วใช่มั้ย[1] ทำมาอ้างว่าแต่งงานกันแล้ว บอกความจริงมานะ

เจวี๋ยเหม่ยซาอี้: @เชิงเชิงม่าน… มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

เกิงเสี่ยวซิ่ง: @เชิงเชิงม่าน ขอประทับตราจาง ๆ ตรงนี้…

เธอ…..

จู่ ๆ ก็มีโพสบนเวยป๋ออีกหนึ่ง เดี๋ยว ไม่สิ เป็นการโพสตามด้วยอีกโพส… โพสตามด้วยอีกโพส…

จำนวนโพสรวมบนเวยป๋อของเขาถึงหัวค่ำวันนี้มีแค่ประมาณหนึ่งร้อยเศษเองนะ รู้มั้ย มากกว่าสิบวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะมีข่าวหรือตัวอักษรจากเขา แต่วันนี้ เขาถล่มเพจของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันคือการตอบข้อความ ไม่พลาดแม้แต่ข้อความเดียว ทุกคนได้รับการตอบ

เรียงหน้า ข้อความแล้วข้อความเล่า ตลอดทั้งหน้าจอมีแต่การตอบของเขา…

เชียงชิงสือ: ดีมาก //เฝ่ยเส่า: @เชิงเชิงม่าน โว้ว แต่งกันแล้วจริง ๆ ดิ่ รู้สึกยังไงบ้าง

เชียงชิงสือ: ใช่ //โต้วโต้วโต้วปิง: @เชิงเชิงม่าน… (อีโมน้ำตาท่วม) ใต้เท้า เวยป๋อของท่านมีไว้แค่เพื่ออวดความหวานงั้นเหรอ ยังจำเพื่อนเก่าเพื่อนร่วมสังกัดอย่างเราได้มั้ย หา หา หา หา

เชียงชิงสือ: เดินทางมาทำงาน และตอนอยู่ที่นี่เลยถือโอกาสฮันนีมูนเล็ก //Wwwwk: @เชิงเชิงม่าน ประทับตรา พวกเขาอยู่ซานย่า

เชียงชิงสือ: ไม่ใช่ จดทะเบียนแล้วเมื่อวาน //เฟิงหยาซ่ง: @เชิงเชิงม่าน ฉันก็แค่แวะไปเข้าห้องน้ำ ทำไมจู่ ๆ พวกเธอก็แต่งงานกันแล้ว นี่มันดึกแล้วด้วย พวกเธอขึ้นรถก่อนแล้วค่อยกลับมาหาตั๋ว[1] ทำมาอ้างว่าแต่งงานกันแล้ว บอกความจริงมานะ

เชียงชิงสือ: ตามโพสก่อน //เจวี๋ยเหม่ยซาอี้: @เชิงเชิงม่าน… มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

เชียงชิงสือ: ตามโพสก่อน //เกิงเสี่ยวซิ่ง: @เชิงเชิงม่าน ขอประทับตราจาง ๆ ตรงนี้…

…..

หายใจลึก ๆ หายใจลึก ๆ

เรื่องสำคัญที่สุดคือ มีบางคนกล่าวหาเธอว่าทำไมไม่รีโพสข้อความนี้

แต่… เธอยังไม่อยากใช้พื้นที่สาธารณะโอ้อวดความรัก ทุกครั้งที่เห็นเขาโพสบางอย่างบนเวยป๋อ เธอก็รู้สึกผิดแล้ว เธอรู้สึกไม่คู่ควรที่จะได้รับเรื่องดี ๆ ที่แสนมหัศจรรย์และมันไม่ควรถูกนำมาโอ้อวด ขืนเธอยังกล้าอวด ก็สมควรถูกโกรธจากทั้งเทพทั้งคน

เธอสู้กับตัวเองในใจ รีโพสหรือไม่รีโพส

คนข้าง ๆ เธอคือตัวการของเรื่อง ใต้เท้าโถวไผชิงกั๋วชิงเฉิงจู่ ๆ ก็สั่งเบียร์ รินใส่แก้วและหยอกเธอ “อยากดื่มเหล้าวิวาห์มั้ย”

เธออาย

อย่าพูดดังไปสิ

โดยเฉพาะพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนไพเราะแบบนี้

เขารินเบียร์เต็ม 2 แก้ว ยกแก้วของตัวเอง จ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ และพูดครั้งละหนึ่งคำรวมกันเป็นหนึ่งประโยค “แด่ชีวิตแต่งงานแสนสุขของเรา ขอให้เราได้รับพรแห่งความสุขไปจนนิรันดร์”

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็หยุดสายตาที่เธอ ไม่พูดอะไรอีก

ชั่วขณะนั้น ทั้งโลกเหมือนตกในความเงียบงัน ความประหลาดใจจากเพื่อนทุกคน การแสดงความยินดีและหัวใจที่แตกสลายของแฟน ๆ แม้แต่คนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งมองพวกเขากินเนื้อหอย ทั้งหมดหายวับไป

เขา โม่ชิงเฉิง มองอย่างจริงใจและจริงจังมาที่เธอ อวยพรให้เธอได้พบกับความสุขเช่นเดียวกับอวยพรให้ตัวเขาเองได้พบกับความสุข

ใช่ เขาหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะมีความสุขร่วมกัน

เธอถือแก้วที่เย็นจัด ยกขึ้น และชนกับแก้วของเขาเบา ๆ

เสียงที่ชัดเจน

บริสุทธิ์ แต่เรียบง่าย

“แด่ชีวิตแต่งงานแสนสุขของเรา” เธอสะท้อนเสียงของเขาเบา ๆ “ขอให้เราได้รับพรแห่งความสุขไปจนนิรันดร์”

จบบริบูรณ์

*****************************************

[1] Sanya เป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่ตอนใต้ของเกาะไฮ่หนาน

[2] 先上车后补票 ‘ขึ้นรถก่อน’ เป็นแสลง หมายถึง ชายหญิงที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก่อนแต่งงาน และบ่อยครั้งอาจแฝงนัยยะของการท้องก่อนแต่ง ส่วนการหาตั๋วรถคือการจดทะเบียนสมรส ทำให้มีสิทธิ์ในการขึ้นรถอย่างถูกต้อง

*****************************************

โม่เป่าเฟยเป่าให้แฟน ๆ ได้เห็นจุดเริ่มต้นของชีวิตแต่งงานของกู้เชิงและโม่ชิงเฉิงในตอนจบนี้ ขอร่วมอวยพรให้คู่บ่าวสาวได้รับพรแห่งความสุขไปจนนิรันดร์ ❤️

สดับรัก ตำรับมัดใจ – ตอนพิเศษ 1

One thought on “บทส่งท้าย 2”

Leave a comment